หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตัวเขาอยู่ในอาการโคม่าถึง 6 เดือน และเมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองสูญเสียความสามารถในการรับรส ไม่รู้ถึงรสชาติของอาหาร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หยุดกินจนกว่าจะได้ทานข้าว 3 จาน ซึ่งนั่นก็ทำให้คนเข้าใจผิดว่าเขาแมนสุดๆ
ในขณะที่เขาไม่มีความสามารถในการรับกลิ่น เมื่อต้องไปทำงานในสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรม เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าปิดปาก ซึ่งนั่นก็ทำให้คนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่แมนมาก หรือแม้กระทั่งตอนที่ต่อสู้กับคนร้าย ก็ไร้ความรู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อใช้พลังงานเกินขีดจำกัดเมื่อไหร่
เขาก็ไม่รู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะหมดสติไปเอง “มูกัก” ไม่ยิ้ม ไม่ร้องไห้ เหมือนคนไร้ความรู้สึก และยังไม่สามารถมีความรักกับผู้หญิงคนไหน แต่เพราะมีหน้าตาดี มีเสน่ห์ทำให้มีสาวๆ พยายามเข้าหามากมาย แต่เพราะความน่าเบื่อของเขาเอง ทำให้พวกเธอค่อยๆ ตีตัวออกห่าง
เป้าหมายในชีวิตเพียงอย่างเดียวของ “มูกัก” คือการตามหาฆาตกรที่ฆ่าน้องสาว และเพราะเหตุผลนี้ ทำให้เขาลาออกจากงานที่อควาเรี่ยมซึ่งเป็นอาชีพที่เขารัก และมาเป็นตำรวจเพื่อสืบหาร่องรอยของฆาตกร แต่คดีก็ผ่านไป 3 ปี แล้ว จนถึงบัดนี้เขายังไม่พบเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับคดีเลยจนเมื่อเขาได้พบกับผู้หญิงที่ชื่อ “โอโชริม” (ชินเซคยอง)
ซึ่งเป็นพยานรู้เห็นเพียงคนเดียวในคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น และยังเป็นผู้ที่มีสัมผัสที่6 เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน The Girl Who Can See Smell
ซีรีส์แนวโรแมนติกแฟนตาซีกับเรื่องราวสุดสนุกของนางฟ้าตัวน้อยแสนซน
อี ซึลบิ (แสดงโดยคิม แซรน) ผู้มีหน้าที่นำพาดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่โลกหน้า
แต่เธอกลับละเมิดกฎจนกลายต้องเป็นมนุษย์
หลังจากได้ช่วยชีวิตชินอู ฮยอน(แสดงโดยนัม
อูฮยอน) เด็กนักเรียนหนุ่มเลือดร้อนที่ตกจากอาคารสูงไว้
เมื่อนางฟ้าต้องตกสวรรค์และกลายเป็นมนุษย์ พลังวิเศษของเธอจึงหายไป ชิน
อูฮยอนและย่าเชื่อว่าอี ซึลบิความจำเสื่อม
เพราะช่วยเขา
จึงให้เธอไปพักที่บ้านด้วยจนกว่าความทรงจำจะกลับมา ชิน อูฮยอนอาศัยอยู่กับคุณย่าที่เปิดร้านค้าขายต๊อกบ๊กกี
อี ซึลบิจึงต้องช่วยทำงานที่นั่นจนกว่าจะหาทางกลับสวรรค์ได้
แต่ระหว่างนั้นเธอต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาเพื่อเอาตัวรอดในโลกมนุษย์
และยังต้องเข้าโรงเรียนที่มีแต่เด็กนักเรียนหนุ่มรูปหล่อห้อมล้อมให้หวั่นไหวหัวใจ
โดยเฉพาะฮวัง ซองยอล(แสดงโดยอี ซองยอล)
\
คู่แข่งคนสำคัญของพระเอกหนุ่ม
ที่มาพร้อมกับบุคลิกสุภาพ เยือกเย็นและมีความเชื่อมั่น
แล้วนางฟ้าตัวน้อยจะหาทางกลับสวรรค์ได้อย่างไรกันหนอ
ติดตามเรื่องราวความรักอลวนของพวกเขาได้ในซีรีส์ High School – Love On
นัม อูฮยอน (Nam Woo Hyun) แห่งวง Infinite ได้กลับมาสวมชุดนักเรียนมัธยมอีกครั้งในซีรีส์เรื่องนี้เผยว่า
“นี่เป็น
โปรเจ็คแรกที่ผมมีส่วนร่วมมากขนาดนี้ครับ ดังนั้นผมจึงค่อนข้างกังวลอยู่บ้าง
แต่ผมจะทำออกมาให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นตัวปัญหา ผมยังได้เรียนรู้อย่างมากจากนักแสดงรุ่นพี่ครับ
” รวมถึง อี
ซองยอล (Lee Sung Yeol) เพื่อนร่วมวง Infinite ของอูฮยอน(Woo Hyun) ก็ได้กล่าวติดตลกถึงฉากเลิฟซีนกับนางเอก
คิมแซรน (Kim
Sae Ron)ที่มีอายุเพียง 14ปีว่า “ในอนาคตพวกเราคงจะทำได้ดีกว่านี้ครับ
คิมแซรนนั้นมีอายุน้อยกว่าผม 9 ปีและเธอก็ยังเป็นผู้เยาว์อยู่เลย
ผมคิดว่าการหอมแก้มน่าจะเป็นสิ่งที่พอจะยอมรับกันได้ครับ”
องค์ชายรัชทายาท ลีกั๊ก (ปาร์ค ยูชอน) แห่งยุคโชซอน ต้องสูญเสียพระชายา วายง (จอง ยูมิ) ผู้เป็นที่รักอย่างกะทันหัน จากเหตุจมน้ำในสระภายในวัง
องค์รัชทายาทเสียพระทัยมาก จึงพยายามสืบหาคนร้าย โดยมีผู้ช่วยยอดฝีมือ 3 คน คือ ซอง มันโบ (ลี มินโฮ) โด ชีซาน (ชอย วูชิก) อู ยองซุน (จอง ซุกวอน) คืนหนึ่งในวันพระจันทร์เต็มดวง
ขณะที่ทุกคนสืบหาต้นเหตุของเรื่องอยู่นั้น
พวกเขาถูกกลุ่มคนร้ายตามล่าจนไปถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง
พวกเขาทั้ง 4 จำเป็นต้องกระโดดหน้าผา ซึ่งเป็นเหตุทำให้หลงข้ามยุคมายังกรุงโซล ในปี 2012
มาปรากฏตัว ณ ห้องใต้หลังคา ซึ่งเป็นบ้านของสาวน้อยใจดี สู้ชีวิต ปาร์คฮา (ฮัน
จีมิน)
ปาร์คฮา เพิ่งกลับจากอเมริกา
เนื่องจากเธอรู้ข่าวว่าพบพ่อที่เธอกำลังตามหาอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกัน
เพราะพ่อของเธอเสียชีวิตไปก่อน แล้วเธอก็ได้พบกับ 4 หนุ่มจากยุคโบราณอย่างไม่น่าเชื่อ
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือองค์ชายรัชทายาท ลีกั๊ก ที่มีหน้าตาเหมือนกับชายหนุ่มเกาหลีคนหนึ่งชื่อ ยง แทยอง (ปาร์ค ยูชอน) คนที่เธอเคยพบตอนอยู่อเมริกา
แต่ชายหนุ่มคนนั้นประสบอุบัติเหตุตกเรือและหายสาบสูญไป
ระหว่างที่
องค์ชายลีกั๊ก พยายามหาทางกลับไปในยุคโชซอน เขาได้พบกับ เซนา (จอง ยูมิ) พี่สาวต่างมารดาของ
ปาร์คฮา ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับ พระชายาวายง ที่เสียชีวิตไป
องค์ชายลีกั๊ก ดีใจมากที่ได้เจอกับพระชายาที่รักอีกครั้ง จึงพยายามเอาชนะใจ เซนา
เพื่อให้เธอสนใจและแต่งงานกับเขา แต่ เซนา เองมีแฟนอยู่แล้วคือ
ยง แทมู (ลี แทซอง) ญาติสนิทของ แทยอง
ทายาทเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเกาหลีที่มีหน้าตาเหมือนกับองค์ชายลีกั๊ก
ที่หายสาบสูญไป ด้วยเหตุที่
องค์ชายลีกั๊กต้องการสืบหาความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพระชายา และการหายไปของ
แทยอง เขาจึงสวมรอยเป็น แทยอง
และพยายามค้นหาความจริงที่เป็นปริศนาเกี่ยวพันข้ามยุค
ปาร์คฮา คอยช่วยเหลือ องค์ชายลีกั๊ก
และองครักษ์ทั้ง 3 ในการปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันมาโดยตลอด
ด้วยความใกล้ชิดระหว่าง ปาร์คฮา กับ องค์ชายลีกั๊ก จึงทำให้ทั้งสองเริ่มมีใจให้กัน
และเมื่อ องค์ชายลีกั๊ก สืบหาความจริงไปเรื่อยๆ ทำให้เขาได้พบเรื่องราวต่างๆ
มากมายที่ผูกพันข้ามกาลเวลา และทำได้รู้ว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่ที่รักและจริงใจกับเขามากที่สุด
มาร่วมพิสูจน์ความรักข้ามกาลเวลาของพวกเขาไปด้วยกันใน
"ตามหาหัวใจเจ้าชายหลงยุค"
เป็นภาพยนตร์แฟนตาซีค่อนข้างแปลกกว่าเรื่องอื่นๆ เนื่องจากภาพยนตร์แฟนตาซีส่วนใหญ่มักจบแบบมีความสุขเป็นส่วนมาก หากแต่ภาพยนตร์ดังกล่าวมีฉากจบค่อนข้างเลวร้ายหักมุมอย่างร้ายกาจยิ่งกว่า ภาพยนตร์แฟนตาซีทั้งหมด
Pan’s Labyrinth มีชื่อไทยว่า “อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต” เป็นภาพยนตร์สเปน ฝีมือผู้กำกับกีเลอร์โม เดล โตโร ออกฉายในปี 2006 คว้ารางวัล 3 ออลการ์ ทั้งที่มีงบการสร้างเพียงไม่กี่ล้านแต่กลับได้กำไรหลายเท่ากว่า 80 ล้านดอลลาร์ (ทั้งที่ทุนสร้างมีเพียง 9 ล้านดอลลาร์เท่านั้น) พร้อมกับเสียงวิจารณ์เกือบให้คะแนนเต็ม และ เนื่องจากมีเนื้อหาน่าติดตามเต็มไปด้วยข้อคิดสอนใจและบรรยากาศของเรื่องมืดๆ น่ากลัว
เนื้อเรื่องกล่าวถึงเด็กสาวชื่อโอฟิเลียที่อาศัยอยู่ในยุคที่สเปนปกครองด้วย ระบบเผด็จการของฟรานซิสโก ฟรานโก(ปี 1944) ที่ย้ายบ้านกับแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ที่ไปอยู่อาศัยนายทหารระดับร้อยเอกชื่อ วีดัลบัญชาการค่ายทหารที่ตั้งภูเขา และที่นั้นเต็มไปด้วยความโหดร้ายของสงครามและลัทธิฟาสซิสต์ครอบงำ ทำให้เด็กหญิงเริ่มเข้าสู่โลกแห่งความจริงและโลกในจินตนการที่เธอสร้างขึ้นมา
อย่างไรก็ตามโลกจินตนาการของโอฟิเลีย ใช่ว่าจะสวยสดงดงามเหมือนโลกจินตกนาการเหมือนคนอื่นๆ เนื่องจากเต็มไปด้วยความรุนแรง ปีศาจพิกลพิการ บรรยากาศน่าหดหู่ มืดหม่นโดนตอนแรกเธอพบกับเขาวงกตของเทพฟอน ซึ่งได้มอบหนังสือนิทานชื่อ Book of Crossroads และกล่าวว่าจริงๆแล้วเธอเป็นเจ้าหญิงในเทพนิยายชื่อ เจ้าหญิงโมแอนนา โอฟีเลียจะต้องปฏิบัติภารกิจตามที่เทพฟอนสั่ง สาประการ จึงจะได้กลับไปครองอาณาจักรของเธอทำให้เธอผจญสัตว์ประหลาดมากมายโดยเฉพาะ อยากเด่นที่สุดคือฉากเผชิญหน้าสัตว์ประหลาดที่มีตาอยู่ที่มือ(และฉากกิน แฟรี่)
สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้สื่อมีมากมาย และหลายประเด็นสามารถวิเคราะห์ได้อย่างซับซ้อนหรืออธิบายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการที่ตัวเด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายก็สามารถ เปลี่ยนทัศนะคติและมุมมองที่เลวร้ายตามไปด้วย การสร้างโลกแห่งจินตการที่หลีกหนีความจริง หากแต่โลกที่ว่าก็มีอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายตามเข้ามาครอบงำไม่ว่า จะเป็นปีศาจที่เปรียบเสมือนลัทธิฟาสซิสต์ สิ่งของต่างๆ และการกระทำของโอฟิเลียมีแต่สัญลักษณ์ เรียกได้ว่าเป็นแฟนตาซีที่สอดแทรกการเมือง, จิตวิทยาเด็ก ได้อย่างแยบยล
และเมื่อถึงฉากตอนจบของเรื่อง ภาพยนตร์ได้ทำร้ายจิตใจคนดูอย่างร้ายกาจ เมื่อให้โอฟิเลียเสียชีวิตจากเงื่อมมือของคนเลวในโลกแห่งความจริง ตรงกันข้ามกับโลกในจินตนาการที่เธออยู่กับแม่และน้องอย่างมีความสุข เป็นการตอบย้ำว่าโลกแห่งความจริงมันโหดร้ายกว่าโลกจินตนาการความฝัน
Pan’s Labyrinth ในภาพยนตร์ได้รับเรต R คือไม่เหมาะสำหรับเด็กเข้าไปดู แม้ว่าภาพในภาพยนตร์จะไม่มีฉากโหดจำพวก ตัดหัว ไส้ทะลัก แต่กระนั้นก็ทำลายจิตใจเด็กพอสมควร จนไม่เชื่อว่านี้คือภาพยนตร์แฟนตาซีเทพนิยาย